Click here to add your own text
มะเร็งปากมดลูก
มะเร็งปากมดลูกเป็นมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับ 2 ในผู้หญิงไทยรองลงมาจากมะเร็งเต้านม แม้ว่ามะเร็งปากมดลูกจะเป็นโรคที่ป้องกันและรักษาให้หายได้ พบได้ตั้งแต่ผู้หญิงอายุก่อน 30 ปี จนถึงวัยชราอายุ 80 ปี จะพบมากในช่วงอายุ 35 – 50 ปี แต่โรคมะเร็งปากมดลูกก็ยังมีอัตราการเสียชีวิตเฉลี่ยสูงถึง 7 คนต่อวัน และยังพบผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกรายใหม่ๆสูงถึง 6,000 คนต่อปีอีกด้วย ในจำนวนของผู้ที่มีเชื้อนี้กว่าครึ่งต้องเสียชีวิต สาเหตุเพราะผู้ป่วยส่วนใหญ่รู้สึกอายและกลัวที่จะไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาเชื้อมะเร็ง ทำให้กว่าจะรู้ว่าป่วยด้วยโรคมะเร็งปากมดลูกความรุนแรงของโรคก็อยู่ในระยะลุกลามแล้ว วันนี้เรามีข้อมูลเกี่ยวกับโรคมะเร็งปากมดลูก วิธีสังเกตอาการเบื้องต้นของมะเร็งปากมดลูกทำอย่างไร? และลักษณะอาการเริ่มแรกของมะเร็งปากมดลูกเป็นอย่างไรมาให้เรารู้เท่าทันโรคกันค่ะ
มะเร็งปากมดลูกนั้นเกิดจากเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า HPV (Human Papilloma Virus) ภาษาไทยเรียกกันว่า ไวรัสหูด ส่วนใหญ่ติดต่อจากการสัมผัสทางเพศสัมพันธ์ที่มีรอยถลอกของผิวหรือเยื่อบุ ทำให้เชื้อไวรัสเข้าไปที่ปากมดลูก ปากมดลูกจึงมีการเปลี่ยนแปลงของเนื้อเยื่อหรือเซลล์ จากปากมดลูกปกติกลายเป็นระยะก่อนเป็นมะเร็งปากมดลูก
ตัวเราเสี่ยงกับโรคมะเร็งปากมดลูกหรือไม่
1.มีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุ 18 ปี
2.เปลี่ยนคู่นอนบ่อย
3.สตรีที่สูบบุหรี่ หรือ ใกล้ชิดผู้สูบบุหรี่
4.พันธุกรรม
อาการมะเร็งปากมดลูก
อาการตกเลือดทางช่องคลอด ลักษณะเลือดที่ออกอาจจะเป็นเลือดออกแบบกะปริบกะปรอยระหว่างมีรอบเดือน มีตกขาวผิดปกติ กลิ่นเหม็น มีเลือดปน หรือมีเลือดออกเวลามีเพศสัมพันธ์ ถ้ามีเลือดออกมามากและมะเร็งลุกลามออกไปด้านข้าง หรือลุกลามไปที่อุ้งเชิงกรานจะมีอาการปวดหลังได้ เพราะไปกดทับเส้นประสาท
อาการในระยะหลังเมื่อมะเร็งลุกลามมากขึ้นหรือลุกลามสู่อวัยวะอื่นๆ ได้แก่ อาการขาบวม ปวดหลัง ปวดก้นกบ ปัสสาวะเป็นเลือด ถ่ายอุจจาระเป็นเลือด เป็นต้น
มะเร็งปากมดลูกแบ่งออกเป็น 5 ระยะ ดังนี้
ระยะที่ 0 – เป็นระยะที่เซลล์มะเร็งยังไม่กระจายตัว มีวิธีรักษามะเร็งปากมดลูกระยะที่ 0 คือการผ่าตัดเล็ก ซึ่งใช้เวลาประมาณ 15 นาที และตรวจร่างกายติดตามอาการต่อไป การรักษาในระยะนี้ได้ผลเกือบ 100%
ระยะที่ 1 – เป็นระยะที่เซลล์มะเร็งอยู่ที่ปากมดลูกแล้ว การรักษามะเร็งปากมดลูกในระยะที่ 1 คือการผ่าตัดใหญ่ เป็นการผ่าตัดมดลูก เลาะต่อมน้ำเหลืองในเชิงกราน ผลการรักษาได้ผลดีถึง 80%
ระยะที่ 2 – เซลล์มะเร็งกระจายออกจากปากมดลูกโดยยังไม่ได้ลุกลามไปไกลมาก แต่ก็ไม่สามารถผ่าตัดได้แล้ว การรักษา มะเร็งปากมดลูกในระยะที่ 2 นี้ ต้องทำการรักษาด้วยการฉายรังสี และการให้เคมีบำบัด (คีโม)
ระยะที่ 3 – ระยะที่เซลล์มะเร็งกระจายชิดเชิงกราน การรักษาในระยะที่ 3 คือใช้รังสีรักษา และการให้เคมีบำบัดเช่นเดียวกันระยะที่ 2 แต่การรักษาระยะนี้จะได้ผลเพียงประมาณ 20 – 30% เท่านั้นค่ะ
ระยะที่ 4 – เป็นระยะที่เซลล์มะเร็งกระจายทั่วร่างกายแล้ว การรักษามะเร็งปากมดลูกในระยะที่ 4 ยังคงเป็นการให้คีโม และรักษาตามอาการเท่านั้น โดยหวังผลได้เพียงประมาณ 5-10% และมีโอกาสรอดน้อยมาก แต่ก็ไม่แน่มีผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกบางรายสามารถอยู่ต่อได้นานถึง 1 – 2 ปี แล้วจึงเสียชีวิต
ผลข้างเคียงจากการรักษามะเร็งปากมดลูก
1. การผ่าตัด – หลังจากการผ่าตัดอาจเกิดอาการการตกเลือด และการติดเชื้ออันตรายต่ออวัยวะใกล้เคียงได้
2. การฉายแสง – ในระยะเวลา 1-2 เดือนจะมีผลข้างเคียง คือ ผิวแห้ง ปัสสาวะมีเลือดปน อ่อนเพลีย
3. ยาเคมีบำบัด – จะมีผลข้างเคียงคือ มีอาการอ่อนเพลีย คลื่นไส้ อาเจียน ผมร่วง มือเท้าชา อาการเหล่านี้จะขึ้นอยู่กับตัวยาแต่ละชนิดที่แพทย์เลือกใช้
การป้องกันมะเร็งปากมดลูก
การป้องกันโรคมะเร็งชนิดใด ๆ ก็คือการหลีกเลี่ยงสารก่อมะเร็งของโรคนั้น ๆ ซึ่งสำหรับในมะเร็งปากมดลูกก็คือเชื้อไวรัสเอชพีวี ซึ่ง
ปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัสเอชพีวี ช่วยลดอัตราเสี่ยงการเกิดมะเร็งปากมดลูกลงกว่า 70% จึงน่าจะมีผลในการลดอุบัติการณ์ของ
มะเร็งปากมดลูกได้ในอนาคต และเพื่อช่วยให้การป้องกันมีประสิทธิภาพสูงสุด การฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก ควรทำร่วมกับการตรวจ
คัดกรองเป็นประจำ โดยควรจะเริ่มตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกตั้งแต่มีเพศสัมพันธ์ เพราะในการเกิดมะเร็งปากมดลูก จะผ่านขั้นตอนต่าง ๆ
ตั้งแต่เริ่มมีการติดเชื้อไวรัสเอชพีวีเรื้อรัง และเกิดการเปลี่ยนแปลงไปสู่ภาวะอักเสบเรื้อรังที่นำไปสู่มะเร็ง การตรวจคัดกรองจะทำให้สามารถ
รักษาภาวะผิดปกติต่าง ๆ ก่อนที่จะเกิดเป็นมะเร็ง หรือตรวจพบมะเร็งระยะแรกเริ่ม ที่รักษาให้หายขาดได้ เพื่อป้องกันการเป็นมะเร็งปากมดลูก
ระยะลุกลามหรือแพร่กระจายนอกเหนือจากการฉีดวัคซีนแล้ว ควรมีชีวิตครอบครัวที่ถูกต้องและจะต้องเอาใจใส่ต่อสุขภาพ ตรวจสุขภาพ
สม่ำเสมอ แม้จะมีอายุมากแล้วและไม่อยู่ในวัยเจริญพันธุ์ คือไม่มีประจำเดือนและไม่มีเพศสัมพันธ์แล้ว ก็ยังต้องตรวจคัดกรองตามระยะเวลาที่
เหมาะสม ตามคำแนะนำของแพทย์ ก็จะช่วยให้หญิงไทยห่างไกลมะเร็งปากมดลูก
มะเร็งนั้นสามารถป้องกันไว้ตั้งตั้งแต่เนิ่นๆ ด้วยการรับประทานอาหารเสริมสมุนไพร CA ซึ่งสกัดจากสมุนไพรที่มีฤทธิ์ต้านมะเร็งหลายสิบชนิดที่จะช่วยกระตุ้นการทำงาน ช่วยกระตุ้นการทำงานของภูมิคุ้มกัน (เซลล์เม็ดเลือดขาว) และสามารถขจัดสิ่งแปลกปลอมที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย หรือแม้แต่เซลล์มะเร็ง ทั้งยังช่วยดูแลร่างกายองค์รวมให้สมบูรณ์แข็งแรงอยู่เสมอ เพื่อให้คุณมีชีวิตอยู่กับคนที่รักได้อย่างยาวนานและมีความสุข CA อาหารเสริมสมุนไพรเพื่อผู้ป่วยมะเร็ง เพราะเราเชื่อว่า “มะเร็งมีทางออก”
ขอขอบคุณบทความจาก http://www.siamca.com/